นับตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2563 มูลนิธิร่มไม้นำทีมเยาวชนอาสา 7 ทีม รวม 16 คนลงพื้นที่ไปยังชุมชนแรงงานข้ามชาติ เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ COVID-19 และวิธีการปกป้องดูแลตัวเองและครอบครัวง่ายๆ ด้วยการล้างมือด้วยสบู่อย่างถูกหลักอนามัย ซึ่งหลายคนไม่เคยรู้มาก่อน บรรยากาศเป็นยังไงกันบ้างตามมาชมภาพกันได้เลยค่ะ
เมื่อ COVID-19 มาเคาะประตูถึงหน้าบ้าน ทุกคนก็ต้องปรับตัวกันครั้งยิ่งใหญ่ สำหรับมูลนิธิร่มไม้หัวใจของการทำงานยังคงเหมือนเดิม คือ การปกป้องเด็กและครอบครัวในภาวะวิกฤต เราปรับเปลี่ยนการทำงานหรือให้ความช่วยเหลือพวกเขาอย่างไรบ้างนั้น…. มาดูกันเลยค่ะ
เมื่อสถานการณ์ COVID-19 เริ่มเป็นที่น่ากังวลยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษชายแดนไทย-เมียนมาร์ อย่างอำเภอแม่สอด มูลนิธิร่มไม้จึงเริ่มภารกิจพิเศษเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจส่งผลกับสุขภาพและความเป็นอยู่ของเด็กและครอบครัวยากจนจำนวนมาก
“ฉันทำงานยุ่งตลอดเวลาเพราะจดจ่ออยู่กับการหาเลี้ยงพวกเขา แต่ไม่เคยให้เวลาสร้างความผูกพันกับลูกเลย ฉันไม่รู้มาก่อนว่ามันสำคัญ กลายเป็นว่าลูกๆ คิดว่าฉันไม่รักไม่ใส่ใจพวกเขา เพราะสิ่งที่เขาเห็นคือแม่ยุ่งจนไม่มีเวลาให้”
ทุกๆ วันจันทร์ อารอนจะเริ่มการประชุมทีมด้วยคำถามที่ว่า “เราจะทำดีให้ดีกว่านี้ได้อย่างไรบ้าง?” นี่คือประธานกรรมการบริหารมูลนิธิร่มไม้และ CEO องค์กรเดอะคาริสโปรเจ็ค องค์กรระดมทุนในสหรัฐอเมริกาเพื่อสนับสนุนโครงการของมูลนิธิร่มไม้ ประธานฯ ที่บางวันคุณจะเห็นเขาในบทบาทผู้อบรม บางวันก็เป็นคนขับรถ บางวันก็เป็นช่างตัดหญ้ารอบสำนักงาน “ในฐานะผู้นำ ผมมุ่งมั่นที่จะสร้างแรงบันดาลใจในการเป็นผู้นำที่คอยดูแลรับใช้ผู้อื่น” เขาเป็นนักคิดผู้มีวิสัยทัศน์และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความสามารถในการปรับตัวให้เท่าทันสถานการณ์หรือข้อมูลใหม่ๆ ของเขากลายมาเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรที่โดดเด่นของมูลนิธิร่มไม้ อารอนเกิดที่เมืองวินนิเพ็ก เติบโตที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา…
ปีก่อน เราได้รับการติดต่อจากพยาบาลท่านหนึ่งในโรงพยาบาลแม่สอดว่า มีหญิงสาววัย 17 ปีคนหนึ่งที่หนีฝันร้ายจากคู่รักในประเทศพม่าที่ทำร้ายร่างกายเธออย่างสาหัสเดินทางมายังแม่สอดที่ที่แม่ของเธออาศัยอยู่ เธอรู้ว่าเธอตั้งครรภ์แล้ว แต่หลังจากการตรวจครรภ์ครั้งแรก สิ่งที่คู่รักของเธอทิ้งไว้ให้เธอพบเจอคือเชื้อเอช.ไอ.วี.
“ฉันไม่อยากเก็บลูกคนนี้ไว้เลย” ผู้หญิงคนหนึ่งบอกกับทุกคนระหว่างเดินทาง สามีของเธอเป็นคนไม่ดี “เขาไม่ทำมาหาเลี้ยงครอบครัว เอาแต่ดื่มตลอดเวลา เรามีลูกด้วยกัน 2 คนแล้ว ฉันคงไม่เก็บเด็กคนนี้ไว้เพราะฉันจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงยังไงไหว”
มูเซอเป็นครั้งแรกและได้รู้จักกับยูดะและแสงจันทร์ อนันท์คุณ สามีภรรยาที่จิตใจคิดช่วยผู้อื่นอยู่เสมอ
พวกเขาได้พบสภาพปัญหาของผู้คนในชุมชน โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ครอบครัวยากลำบาก เด็กจำนวนไม่น้อยถูกทอดทิ้ง ถูกล่วงละเมิด และไม่ได้รับความดูแลที่เหมาะสมแม้ว่าผู้นำชุมชนจะพยายามให้ความช่วยเหลือหลายทาง