สรุปผลการดำเนินงานและการรับมือกับวิกฤต COVID-19

เมื่อ COVID-19 มาเคาะประตูถึงหน้าบ้าน ทุกคนก็ต้องปรับตัวกันครั้งยิ่งใหญ่กับเหตุการณ์ที่ไม่มีใครทันได้ตั้งรับ สำหรับมูลนิธิร่มไม้หัวใจของการทำงานยังคงเหมือนเดิม คือ การปกป้องเด็กและครอบครัวในภาวะวิกฤต ด้วยความที่เป็นองค์กรขนาดย่อมที่ไม่ได้ขึ้นกับหน่วยงานใหญ่ทำให้เราได้เปรียบในการรับมือและปรับเปลี่ยนแผนการทำงานในสถานการณ์นี้ได้อย่างรวดเร็ว เราปรับเปลี่ยนการทำงานหรือให้ความช่วยเหลือพวกเขาอย่างไรบ้างนั้น เราได้สรุปมาให้ผู้มีน้ำใจร่วมบริจาคอย่างคุณได้รับทราบ…. มาดูกันเลยค่ะ

การปรับเปลี่ยนระบบการทำงานปกติ

นับตั้งแต่เดือนมีนาคมหลังจากพบผู้ติดเชื้อรายแรกในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นพื้นที่การทำงานหลักของเรา มูลนิธิฯ ได้ปรับระบบการทำงานภาคสนาม ดังนี้

เริ่มต้นกันที่โครงการช่วยเหลือครอบครัววิกฤต ทีมเยี่ยมบ้านตัดสินใจระงับการเยี่ยมบ้านชั่วคราวเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยได้ลงพื้นที่ชี้แจงสถานการณ์ให้ครอบครัวในโครงการรับทราบก่อน พร้อมแนะนำวิธีการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ นอกจากนี้ยังนำข้าวสารยังชีพสำหรับ 1 เดือนไปให้เป็นเวลา 2 ครั้ง คือสำหรับการยังชีพในเดือนเมษายน 1 ครั้ง และสำหรับการยังชีพในเดือนพฤษภาคมอีก 1 ครั้ง

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ในทีมยังได้ผันตัวมาเป็นช่างเย็บผ้า ทำหน้ากากผ้าแจกจ่ายให้ชุมชนซึ่งได้มอบให้ทางอำเภอไป 200 ชิ้น และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อีก 300 ชิ้นเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ขาดแคลนหน้ากาก

ทีมให้ความรู้แก่ครอบครัว ระงับการจัดอบรมทุกพื้นที่ แต่ได้ส่งท้ายด้วยการให้ความรู้เรื่องการล้างมือ พร้อมแจกสบู่สำหรับล้างมือให้กับสมาชิกในชั้นเรียนทั้งหมด

ทีมสร้างทักษะการเงิน โครงการนี้กลายเป็นเสาหลักค้ำจุนหลายครอบครัวที่ต้องเผชิญการตกงานในช่วงวิกฤตโควิด-19 ทำให้ทีมงานของเราตัดสินใจดำเนินการต่อ แต่เปลี่ยนการการลงชุมชนมาเป็น Work from Home และใช้เทคโนโลยี Video call ผ่านทาง Messenger แทน ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นการประชุมออมเงินที่มีชีวิตชีวามากเลยล่ะค่ะ….อย่างที่ท่านจะเห็นได้ในวิดีโอต่อไปนี้….

ชิง ซาน ผู้จัดการโครงการ โค้ชกลุ่มออมทรัพย์เพื่อครอบครัวผ่านวิดีโอคอล

การให้ความช่วยเหลือแก่ชุมชนและครอบครัว
ระหว่างการใช้มาตรการควบคุมและป้องกันการระบาด

เราขอให้ชื่อเล่นกับการทำงานส่วนนี้ว่าโครงการ Soap N’ Hope ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกันค่ะ

ส่วนที่ 1 ให้ความรู้และมอบสบู่ล้างมือเพื่อป้องกันการระบาดในชุมชน

อารอน บลู ประธานของเราระดมเยาวชนอาสาต่างด้าวที่ให้ความสนใจเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างความตระหนักให้ชุมชน อาสาสมัครทั้งหมด 17 คนจะได้รับการอบรมให้สามารถอธิบายเกี่ยวกับเชื่อไวรัส ลักษณะการระบาดของ COVID-19 และการล้างมือด้วยสบู่อย่างถูกหลักอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อก่อนที่แบ่งทีมกันเป็น 7 ทีมออกไปยังชุมชน ซึ่งเมื่อไปถึงชุมชนแล้วพวกเขาจะเดินไปบริเวณหน้าบ้านของแต่ละบ้านยืนห่างระยะ 1-2 เมตร แล้วเริ่มให้ความรู้ สาธิตการล้างมือ ก่อนจะเดินจากไปด้วยคำขอบคุณ พร้อมวางสบู่ไว้ให้แต่ละบ้านใช้ล้างมือ บางพื้นที่ที่ต้องการหน้ากากผ้าพวกเขาก็จะวางไว้ให้ด้วย ทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นในเวลาไม่เกิน 10 นาที

ภายในเวลา 1 เดือนมีครอบครัวที่ได้รับความรู้และสบู่ล้างมือเพื่อป้องกันการระบาดของโรคถึง 5,128 ครัวเรือน คิดเป็นเฉลี่ยรวมกว่า 25,000 คน คลิกที่นี่ เพื่อดูประมวลภาพบรรยากาศการลงพื้นที่ของเยาวชนอาสาเพิ่มเติมได้ค่ะ

ส่วนที่ 2 ช่วยเหลือด้านอาหารและน้ำดื่มสำหรับครอบครัวที่ขาดแคลน

ระหว่างที่ลงไปสอนล้างมือ เราก็เห็นได้ชัดเลยว่าปัญหาที่เร่งด่วนมากๆ คือ ปากท้องของประชาชน ซึ่งจะส่งผลกระทบทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็กด้วย ผู้ใหญ่ด้วยอย่างแน่นอน ทีมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจาก COVID-19 จึงเริ่มลงไปสำรวจเพื่อประเมินจริงอีกครั้งว่าชุมชนไหนบ้างที่ต้องการ ภายใน 2 สัปดาห์ เราสามารถเข้าถึงชุมชนกว่า 100 ชุมชนเล็กๆ ในอำเภอแม่สอด ตั้งแต่หอพักโรงงานไปจนถึงชุมชนแรงงานภาคเกษตร ได้ติดต่อกับหัวหน้าชุมชน เราได้พบผู้นำผู้หญิงในหลายชุมชน

ข้าวสารกว่า 2,000 กิโลกรัม พร้อมกับ น้ำมัน ถั่วเพื่อเป็นแหล่งโปรตีน และหัวหอมซึ่งนิยมใช้ในการทำอาหาร ได้ถูกแจกจ่ายไปยังครอบครัวโดยเฉพาะครอบครัวที่ตกหล่นไม่ได้รับความช่วยเหลือจากแหล่งอื่นๆ หรือกำลังลำบากอย่างมาก ส่วนใหญ่จะเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือครอบครัวที่มีลูกมาก และยังไม่มีงานทำ แต่ละครอบครัวได้รับข้าวสารที่ช่วยยังชีพได้นาน 2 สัปดาห์

ส่วนที่ 3 มอบเมล็ดพันธุ์ผักให้ครอบครัวได้ปลูกไว้ทานเอง

ผลกระทบทางเศรษฐกิจทำให้ครอบครัวจำนวนมากหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างอาหารในครัวเรือน อย่างการปลูกผักสวนครัวทานเองมากยิ่งขึ้น สำหรับในพื้นที่การทำงานของมูลนิธิร่มไม้ เราได้มอบชุดเมล็ดพันธุ์ผักที่ประกอบด้วย 5 พันธุ์ คือ ผักบุ้ง ผักคะน้า ผักกาดขาว ผักกวางตุ้ง และข้าวโพดหวานให้กับชุมชนต่างๆ

เราประสานการทำงานร่วมกับอำเภอแม่สอด และได้มอบเมล็ดพันธุ์จำนวน 2,406 ชุด ให้กับพี่น้องคนไทยใน 10 ตำบล ตามผลสำรวจความต้องการความช่วยเหลือของกระทรวงมหาดไทย ในเขตอำเภอแม่สอด

เมื่อมาตรการล็อคดาวน์เริ่มคลายลง ทีมงานทั้ง 3 โครงการหลักก็ได้นำไปแจกจ่ายให้กับพี่น้องแรงงานต่างด้าวกว่า 300 ชุด

นอกจากนี้ ยังได้แจกจ่ายให้กับพี่น้องชาวไทยภูเขา ณ ดอยมูเซอ ต.แม่ท้อ อ.เมือง จ.ตาก อีกราว 200 ชุด

การสนับสนุนของคุณทำให้เราสามารถช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้ในอย่างกว้างขวาง ขอบคุณที่มีส่วนร่วมกับเรา