แม่วัยใสกับความหวังที่เปลี่ยนอนาคตลูกน้อยของเธอ

 ปีก่อน เราได้รับการติดต่อจากพยาบาลท่านหนึ่งในโรงพยาบาลแม่สอดว่า มีหญิงสาววัย 17 ปีคนหนึ่งที่หนีฝันร้ายจากคู่รักในประเทศพม่าที่ทำร้ายร่างกายเธออย่างสาหัสเดินทางมายังแม่สอดที่ที่แม่ของเธออาศัยอยู่ เธอรู้ว่าเธอตั้งครรภ์แล้ว แต่หลังจากการตรวจครรภ์ครั้งแรก สิ่งที่คู่รักของเธอทิ้งไว้ให้เธอพบเจอคือเชื้อเอช.ไอ.วี.  

ความท้าทายอย่างหนึ่งในการให้ความช่วยเหลือครอบครัว คือ หาครอบครัวที่กำลังอยู่ในภาวะวิกฤตให้พบก่อนที่เด็กจะถูกละเลย ขาย หรือกลายเป็นเด็กกำพร้า 

หลายปีที่ผ่านมา เราพยายามพัฒนาความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานสาธารณสุขในอำเภอแม่สอด เพื่อจะเปิดทางให้เราสามารถพบครอบครัวที่อยู่ในภาวะเสี่ยงก่อนที่เด็กจะตกอยู่ในสภาพกำพร้าหรืออันตราย 

 

แต (นามสมมุติ) พักพิงอยู่กับแม่ของเธอ ในประเทศที่ไม่ใช่บ้านเกิด แร้นแค้น และเพิ่งพบว่าเธอติดเชื้อไวรัสชนิดที่ชุมชนรังเกียจที่เธอจะต้องรักษาตลอดชีวิต ในท้องของเธอคือลูกคนแรก เธอไม่มีประสบการณ์ในการเป็นแม่มาก่อน และมีโอกาสสูงที่ลูกจะติดเชื้อร้ายนี้จากเธอด้วย 

การคลอดธรรมชาตินับว่าเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงสูงที่เชื้อเอชไอวีจะติดต่อจากแม่สู่เด็ก และแม้ว่าการผ่า C-section จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการปกป้องเด็กจากการติดเชื้อ แต่ก็เป็นทางเลือกที่แพงเกินกว่าที่เธอและครอบครัวจะจ่ายไหว 

 

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในภาวะเช่นนี้ พวกเขาได้ติดต่อกับ “บ้านเด็กกำพร้า” เพื่อทันทีที่เด็กคลอด พวกเขาจะส่งมอบเด็กคนนี้ไว้ในการดูแลของสถานสงเคราะห์ พวกเขามองเห็นวิกฤตอย่างชัดเจน เห็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่วันกำหนดคลอดยิ่งใกล้เข้ามา  

พวกเขามองไม่เห็นความหวัง ไม่เห็นทางที่จะดูแลชีวิตใหม่ที่กำลังจะเกิดมาได้ด้วยกำลังของพวกเขาเอง ไม่เห็นอนาคตที่สดใสที่จะเกิดขึ้นได้จากสถานการณ์เช่นนี้ 

 

หลังจากที่ได้รับข้อมูลจากพยาบาลท่านนี้  เราเริ่มไปหาแตทุกสัปดาห์เพื่อรับฟังและให้คำปรึกษา พร้อมกับมอบอาหารบำรุงสุขภาพ เราช่วยเธอเตรียมร่างกายและจิตใจในการดูแลลูกน้อยในครรภ์ให้แข็งแรงและมีสุขภาพดี เราช่วยเธอในการดูแลตัวเองในฐานะผู้ติดเชื้อ เราให้ความรู้ความเข้าใจกับแม่และพ่อเลี้ยงของเธอในการใช้ชีวิตกับผู้ติดเชื้อ และการป้องกันกันและกันจากการติดเชื้อ บวกกับการช่วยเหลือพิเศษจากผู้บริจาคจำนวนหนึ่งทำให้เราสามารถดูแลค่าใช้จ่ายสำหรับการทำคลอด C-section ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากแม่สู่เด็กได้มากที่สุด 

 

เวลาผ่านไปแล้วเกือบหนึ่งปี เดี๋ยวนี้ ครอบครัวนี้เป็นความชื่นใจที่เราเห็นได้ 

ทุกเช้า แตจะออกไปขายอาหารเช้าข้างทาง เธอได้เจอนายจ้างที่เมตตาเธอ ขนาดที่ให้โทรศัพท์เธอใช้ฟรีๆ หนึ่งเครื่องโดยไม่ได้เรียกร้องอะไรตอบแทน เธอเก็บเล็กผสมน้อยจากรายได้ที่ได้ทุกๆ วัน ความมั่นคงในอนาคตคือเป้าหมายในการออมเงินของเธอ แม่และพ่อเลี้ยงของเธออาศัยอยู่ที่บ้านที่ห่างไปไม่กี่หลัง พวกเขาใช้เวลาด้วยกันทุกวัน แม่ของเธอ หรือบางครั้งเพื่อนบ้านของเธอ จะช่วยดูแลเด็กขณะที่เธอออกไปทำงานหาเงินมาดูแลครอบครัวเล็กๆ ของเธอเอง 

ทุกครั้งที่เราไปเยี่ยมเธอที่บ้าน เราจะได้เห็นรอยยิ้มที่ส่งพลังแห่งจิตใจที่ชื่นบาน เธอเป็นแม่ที่รักและห่วงใยลูกอย่างสุดหัวใจ เธอขวนขวายหาความรู้ และคุณไม่ต้องพยายามมากที่จะเห็นว่าลูกของเธอโตไวและมีสุขภาพแข็งแรง 

ผลตรวจเลือดของเด็กครั้งสุดท้ายระบุว่า ลูกของแตไม่ติดเชื้อเอชไอวี ส่วนเธอ เธอทานยาอย่างต่อเนื่อง สุขภาพของเธอแข็งแรงดี 

 

ปีที่แล้ว ชีวิตที่มีความสุขเป็นสิ่งที่ไกลจากความเป็นไปได้ในความคิดของครอบครัวนี้ พวกเขาปราศจากความหวัง พวกเขากำลังเผชิญพายุใหญ่ในชีวิตซึ่งทำให้ดูเหมือนทุกสิ่งมืดแปดด้าน 

 

เพราะแรงสนับสนุนของทุกท่านที่ให้ผ่านมูลนิธิร่มไม้ แตและครอบครัวจึงมีกำลังใจที่จะตัดสินใจเลี้ยงลูกของเธอด้วยตัวเอง และพวกเขายังคงมีแหล่งความรู้และกำลังใจที่ต้องการในการสร้างครอบครัวที่เข้มแข็งและมีสุขภาพดีต่อไป 

ความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลฯ กับมูลนิธิฯ หมายถึงโอกาสที่จะได้นำการช่วยเหลือเช่นเดียวกันนี้ไปยังครอบครัวที่กำลังต้องการความหวังก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป 

*ชื่อและภาพถ่ายได้รับการเปลี่ยนแปลงเพื่อปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัวของครอบครัวนี้