ยูดะ อนันท์คุณ – หัวหน้าทีมโครงการกีฬาเพื่อครอบครัวปลอดยาเสพติด

“เท่าที่พอจำความได้…” ยูดะนึกย้อนถึงเรื่องราวในวัยเด็ก “ครอบครัวของผมเคยอยู่ที่พม่า แต่ผมเกิดที่เชียงราย” แม้จะไม่มีการสู้รบในหมู่บ้านของเขา แต่กองทัพพม่ามักจะกะเกณฑ์คนหนุ่มอายุ 15 ปีขึ้นไปในหมู่บ้านไปทำงานให้กองทัพพม่า บ้างก็เพื่อเป็นเด็กขนเสบียง บ้างก็ขนอาวุธ ครอบครัวของยูดะจึงตัดสินใจย้ายจากประเทศพม่าตั้งแต่ก่อนยูดะจะเกิด

“แม่ก็อยากกลับไปที่หมู่บ้าน ตอนที่เขาบอกว่าสถานการณ์ดีขึ้นเราก็เดินทางกลับไป ปรากฎว่ามันไม่ได้ดีขึ้น เราก็เลยต้องกลับมา” ตอนยูดะอายุ 3 ขวบ พ่อแม่ของเขาต้องเดินเท้าพร้อมกับลูกอีก 3 คนไป-กลับระหว่างเชียงรายและหมู่บ้านพะต่องที่พม่า น้องสาวของเขาเสียชีวิตระหว่างทางด้วยเชื้อไข้ป่า ต่อมาพวกเขาได้ตั้งรกรากร่วมกันญาติคนอื่นๆ ที่คลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งในเวลานั้นอยู่ห่างจากตัวเมือง 50 กิโลเมตร ไม่มีไฟฟ้า ไม่น้ำประปา พวกเขาได้เที่ยวตลาดปีละ 1 ครั้งเพื่อซื้อเสื้อผ้าและผงชูรส นอกจากนั้นก็ใช้ไม้ไผ่ตักน้ำจากแม่น้ำมากินและใช้ ปลูกข้าว ปลูกผักกินเองกันในหมู่บ้าน

ยูดะเติบโตมาในครอบครัวที่มีความรักความอบอุ่นมาก พวกเขาไม่เคยทิ้งกัน พวกเขาทำนาทำไร่ด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน เล่นด้วยกันทุกวัน ในช่วงที่มีสงครามในพม่า ข้าวยากหมากแพง มีความลำบากยากแค้นรอบข้าง บางครอบครัวที่มีลูกมากๆ ก็จะขายลูกหรือยกลูกของตัวเองให้คนอื่น แต่พ่อแม่ของเขาไม่เคยทอดทิ้งหรือใช้พวกเขาแลกเงิน พ่อแม่ของเขาดูแลลูกๆ ทุกคนและไม่ทิ้งกัน  สิ่งนี้กลายมาเป็นคติประจำใจของยูดะสำหรับชีวิตครอบครัวของเขาจนถึงปัจจุบัน คือ ไม่ว่าจะยากลำบากสักแค่ไหน ครอบครัวจะไม่ทอดทิ้งกัน ยูดะยังเรียนรู้ด้วยว่าการเป็นพ่อที่ดื่มหนักนั้นส่งผลกระทบต่อภรรยาและลูกๆ อย่างไร เขาจึงตั้งใจที่จะไม่ทำอย่างนั้นกับภรรยาและลูกๆ ของเขาเอง

เมื่อย่างเข้าอายุ 15 ยูดะเริ่มใช้ฝิ่นและแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ตามเพื่อนในหมู่บ้าน แม้เขาจะไม่เคยมีอาการติดขั้นรุนแรง แต่เขาก็ใช้ยาพวกนี้อยู่เรื่อยๆ เขาไม่ค่อยจะกินอาหาร ในหนึ่งสัปดาห์อาจะกินมาม่าสัก 2-3 ห่อกับไข่ไก่ ทำงานทั้งวี่ทั้งวันและเสพยาเป็นหลัก

จนกระทั่งเริ่มย่างเข้าวัย 18 ปี ยูดะก็ได้รู้จักกับกลุ่มเพื่อนใหม่ที่ดูจะมีอะไรแตกต่างไปจากเพื่อนนักเสพกลุ่มเดิม เพื่อนกลุ่มนี้มักจะคอยให้กำลังใจคนอื่นเสมอ ยูดะได้พบแรงบันดาลใจใหม่ในการใช้ชีวิต “ผมอยากเป็นคนที่อยู่เพื่อให้กำลังใจคนอื่นบ้าง ไม่ใช่แค่อยู่ไปวันๆ ” ยูดะเริ่มตามเพื่อนใหม่ของเขาไปทำกิจกรรมต่างๆ ที่สร้างสรรค์ พวกเขาไปโบสถ์คริสต์ด้วยกันและเรียนเรื่องราวที่สร้างกำลังใจในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่นำไปใช้ในชีวิตได้จริง เขาคิดได้ว่ายาเสพติดทำลายชีวิตและสุขภาพร่างกายของเขา ยูดะตัดสินใจเลิกใช้ยาเสพติด เป้าหมายใหม่ของเขาตอนนี้คือไปโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ไบเบิ้ล

ยูดะเดินตามความฝันใหม่ เขาได้ไปเรียนที่โรงเรียนสอนพระคัมภีร์ไบเบิ้ลแห่งหนึ่งในแม่สอด ที่นั่นเองเขาได้พบกับผู้หญิงที่เขารัก ในปี 2543 หลังจากที่ทั้งคู่เรียนจบ ยูดะแต่งงานกับแสงจันทร์ ปัจจุบันพวกเขามีลูกที่น่ารักด้วยกัน 3 คน

หลังจากเรียนจบโรงเรียนพระคัมภีร์ ยูดะเริ่มทำงานดูแลบ้านพักเด็กกับอารอน บลู เขารักและใส่ใจเด็กเหล่านี้เป็นอย่างมาก ในเวลานั้นเขาเชื่อว่าสิ่งที่เขากำลังทำคือการช่วยเด็กๆ ให้มีที่อยู่ ให้ได้ไปโรงเรียน และมีคนช่วยดูแลแทนพ่อแม่ แต่ต่อมาเขาได้พบว่าเด็กหลายคนถูกพ่อแม่บังคับให้มาอยู่ เด็กๆ ไม่อยากมาอยู่บ้านพักเด็ก และพวกเขาคิดถึงครอบครัวมาก ยูดะย้อนคิดถึงชีวิตวัยเด็กของเขาที่แม้จะยากลำบากสักแค่ไหนแต่พ่อแม่ก็ไม่เคยให้เขาไปอยู่ที่อื่นๆ หรือให้คนอื่นดูแลแทน

เช่นเดียวกับที่ยูดะในช่วงวัยรุ่น เด็กและวัยรุ่นจำนวนมากในพื้นที่ดอยมูเซอตอนนี้กำลังตกเป็นทาสยาเสพติด ซึ่งไม่เพียงส่งผลร้ายต่อตัวเอง และครอบครัว แต่ยังรวมไปถึงความปลอดภัยของชุมชนอีกด้วย เด็กเหล่านี้ต้องการแรงบันดาลใจใหม่ในการใช้ชีวิตเหมือนที่เขาเองเคยได้รับและเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอด

เดี๋ยวนี้ ยูดะและแสงจันทร์หันมามุ่งมั่นในการสนับสนุนเด็กและวัยรุ่นให้หันมาเล่นกีฬา สร้างกิจกรรมทางเลือกที่สร้างความภาคภูมิใจให้คนรุ่นใหม่ได้ทำแทนการใช้ยาเสพติด และมีเด็กเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 120 คน