แครีนเกิดและโตที่ประเทศแคนาคา ในครอบครัวขยายที่ไม่เพียงแค่ใหญ่มากเท่านั้น แต่ยังคงความแน่นแฟ้นต่อกันไว้ได้อย่างยาวนาน “ฉันยังจำได้ชัดเจน ตอนเราเด็กๆ ฉันกับลูกพี่ลูกน้องจะได้มาเจอกันที่บ้านของคุณปู่คุณย่า มาเล่นด้วยกัน อยู่ด้วยกันช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือเทศกาลพิเศษต่างๆ”
นี่เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้เธออยากทำงานเกี่ยวกับเด็กและครอบครัว แต่ภาพที่เธอเคยคิดไว้เปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเธอมีลูกของตัวเอง
“ก่อนจะมีลูก ฉันคิดอยากทำงานในบ้านเด็กกำพร้า ฉันอยากช่วยให้ความรักความอบอุ่นกับทารกที่ถูกทอดทิ้งหรือไม่มีแม่ ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเด็กส่วนใหญ่ในบ้านเด็กกำพร้ามีแม่ แต่แม่ของพวกเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือที่ต้องการให้สามารถดูแลลูกๆ ได้เอง เมื่อฉันมีลูก ฉันได้รับรู้ด้วยตัวเองว่าแม่คนหนึ่งสามารถจะรักลูกของเธอได้มากขนาดไหน การที่จะต้องสูญเสียลูกหรือยอมทิ้งลูกให้คนอื่นเป็นความรู้สึกที่เลวร้ายมาก”
สำหรับแครีน ความคิดที่ทารกและเด็กต้องถูกแยกจากแม่ บุคคลที่มีทุกอย่างที่เด็กคนหนึ่งจะต้องการเพื่อจะเติบโต คนที่มีแนวโน้มที่จะรักพวกเขามากกว่าคนอื่น คนที่จะปกป้องและสู้เพื่อพวกเขาได้ เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก
“ฉันนึกภาพตัวเองในสถานการณ์นั้น มันจะรู้สึกแย่สักแค่ไหนที่จะต้องเลือกระหว่างให้ลูกมีอาหารกินทุกวัน กับ ให้ลูกอยู่กับฉัน แล้วต้องลงท้ายด้วยการยกลูกให้คนอื่นเลี้ยงเพราะฉันรักลูกมากเกินกว่าจะปล่อยให้เขาต้องอดมื้อกินมื้อและไม่ได้ไปโรงเรียน ถ้าฉันต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ฉันคงหวังว่าใครสักคนจะช่วยทั้งฉันและลูก ใครสักคนที่จะช่วยให้กำลังใจเรา เสริมในส่วนที่เราขาด ให้ฉันกับลูกได้อยู่ด้วยกันและผ่านความยากลำบากไปได้”
ปัจจุบันแครีนกับอารอน บลู สามีของเธอ รวมถึงลูกๆ ทั้ง 6 คนใช้ชีวิตอยู่ที่อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อช่วยเสริมสร้างและปกป้องครอบครัวบนชายแดนไทย-พม่าให้ได้อยู่ร่วมกัน
แครีนรักงานของเธอมาก โดยเฉพาะการเขียนหลักสูตรสำหรับสอนพ่อแม่ผู้ปกครองในชุมชน โดยเฉพาะความท้าทายในการปรับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และงานวิจัยด้านโภชนาการ สุขอนามัย สุขภาพผู้หญิง และพัฒนาการเด็กให้อยู่ในรูปแบบที่ถ่ายทอดง่าย เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง ข้ามภาษา วัฒนธรรม และบริบทปัญหา มันทำให้เธอได้เรียนรู้อย่างมาก แครีนใช้ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับสุขภาพคนท้องและการคลอดลูกที่เธอขวนขวายอย่างขะมักเขม้นมาหลายปีมาแบ่งปันให้กับผู้หญิงในชุมชนคนต่างด้าวที่หลายคนไม่รู้แม้กระทั่งว่าทำไมพวกเขาถึงมีประจำเดือน
แครีนอยากเห็นแม่ทุกคนประสบความสำเร็จและมีความสุขในบทบาทของพวกเขา เธอรู้ดีว่าการเป็นแม่คนนั้นไม่ง่ายเลย ไม่ง่ายแม้แต่สำหรับผู้หญิงที่มีการศึกษาและมีความพร้อมทุกอย่าง ไม่ต้องพูดถึงแม่หลายคนที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลหรือความช่วยเหลือได้ และเธอรู้ดีว่าการที่คนเป็นแม่ได้รับการสนับสนุนให้พร้อมทำหน้าที่ของพวกเธอได้ดีด้วยทักษะความเข้าใจที่จำเป็นเป็นกุญแจที่สำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความเป็นอยู่ที่ดีของเด็ก ครอบครัว และโลกใบนี้ในระยะยาว
“ฉันไม่เคยเจอผู้หญิงที่เข้มแข็ง ขยัน อดทน และมีความสามารถเหมือนผู้หญิงในชุมชนที่เราทำงานด้วยมาก่อน ถ้าพวกเธอได้รับโอกาสเหมือนอย่างที่ฉันได้รับตั้งแต่เด็ก เดี๋ยวนี้บางคนอาจได้เป็น CEO ในบริษัทใหญ่ๆ ไปแล้ว ฉันอยากจะส่งมอบความรู้และการสนับสนุนทุกอย่างที่เราให้ได้เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถมอบอนาคตที่ดีกว่าให้กับตัวเองและลูกๆ ได้ต่อไป
นอกจากการเขียนหลักสูตรโครงการให้ความรู้แก่ครอบครัว (โรงเรียนพ่อแม่) และฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในการถ่ายทอดความรู้ให้ชุมชนแล้ว แครีนยังมีบทบาทในงานประชาสัมพันธ์และระดมทุนจากผู้บริจาคในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเว็บไซต์, Blog, อีเมล, จดหมายข่าว, โพสต์ตามโซเชียลมีเดีย และการผลิตสื่อภาษาอังกฤษอื่นๆ ทั้งหมดนี้เธอทำควบคู่ไปกับการทำโรงเรียนบ้าน (Homeschool) ให้ลูกทั้ง 6 คน
