สร้างความผูกพันกับลูก: ฉันไม่รู้มาก่อนว่ามันสำคัญ

5 ปีก่อน สามีของเธอเสียชีวิต เหลือเพียงเธอ ลูกสาว 2 คนและลูกชายวัยเพียง 1 ขวบอีกคน เธอทำงานหนักเพื่อดูแลพวกเขาให้กินอิ่ม มีเครื่องนุ่งห่มพอ มีหลังคามุงบ้านไม้ไผ่ไว้หลบแดด หลบฝน และหลับนอน

เมื่อสามียังมีชีวิตอยู่ เขาทำอาชีพเลี้ยงวัว เธอจึงรับไม้ผลัดต่อ แต่ละวันเธอจะต้องจูงวัวไปกินหญ้ากลางทุ่ง ไปบ่อน้ำ พอตกกลางคืนเธอจะต้องคอยจุดไฟไล่แมลงที่มาตอมไต่วัว ทั้งวันและทั้งคืนเธอมักจะยุ่งอยู่กับการทำงานเพื่อจะมั่นใจได้ว่าเมื่อกลับถึงบ้านเธอจะมีอาหารเพียงพอให้ลูกกินอิ่ม

เวลาผ่านไปพวกเขาดูเหมือนจะสบายดี เว้นแต่ว่าตอนนี้ลูกชายคนเล็กอายุ 6 ขวบแล้ว แต่เขาไม่เคยยอมฟังสิ่งที่เธอพูดเลย ถ้าเธอบอกว่า “มาหาแม่หน่อย” เขาจะวิ่งหนีไป ถ้าเธอขอให้เขาหยิบอะไรให้ เขาจะโยนทิ้ง เธอไม่รู้ว่าทำไมลูกถึงทำอย่างนี้ ไม่ว่าเธอจะพยายามวิธีไหนให้เขาเชื่อฟังก็ดูจะไม่เป็นผล และทุกครั้งที่ลูกสาวอีก 2 คนสอบตก เธอไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรนอกจากการดุด่าว่ากล่าวหรือตีสั่งสอน

จนกระทั่งเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ทีมให้ความรู้แก่ครอบครัว (Family Education) ของมูลนิธิร่มไม้ได้ไปจัดอบรมที่หมู่บ้านของเธอเป็นครั้งแรก หัวข้อคือ “การส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก” ทีมงานได้อธิบายถึงความสำคัญในการสร้างความไว้ใจระหว่างเด็กและผู้ดูแล และว่าความผูกพันที่ดีระหว่างเด็กและผู้ดูแลเป็นพื้นฐานของพฤติกรรมและการเรียนรู้ทุกอย่าง  เมื่อได้ฟังเธอก็เริ่มมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับลูกๆ

“ฉันทำงานยุ่งตลอดเวลาเพราะจดจ่ออยู่กับการหาเลี้ยงพวกเขา แต่ไม่เคยให้เวลาสร้างความผูกพันกับลูกเลย ฉันไม่รู้มาก่อนว่ามันสำคัญ กลายเป็นว่าลูกๆ คิดว่าฉันไม่รักไม่ใส่ใจพวกเขา เพราะสิ่งที่เขาเห็นคือแม่ยุ่งจนไม่มีเวลาให้”

จบการอบรมวันนั้น แม่คนนี้กลับบ้านพร้อมความตั้งใจที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง เธอเริ่มต้นสร้างความผูกพันกับลูกชายคนเล็ก เธอพาเขาออกไปทำงานตอนเย็นด้วย ชวนคุย ตั้งคำถามให้เขาได้พูด เล่าเรื่องให้เขาฟัง และฟังเรื่องที่ลูกอยากเล่า เธอตัดสินใจนอนใกล้ๆ เขาเวลาเขาเข้านอนทุกคืน

เพียง 5 สัปดาห์หลังจากนั้น “ตอนนี้ลูกคนเล็กของฉันสัมผัสได้แล้วนะว่าฉันรักเขา” เธอบอกกับเรา “เดี๋ยวนี้เราแสดงความรักต่อกัน ฉันคิดว่าฉันได้สร้างความผูกพันที่ดีกับลูกได้แล้วล่ะ”

พฤติกรรมของลูกชายก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เดี๋ยวนี้เขากระตือรือร้นอยากทำตามที่แม่บอก เขาชอบเข้าหา มาอยู่ใกล้ๆ และใช้เวลากับแม่

 “ครอบครัวของเรามีความสุขมากขึ้นจริงๆ “

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อลูกสาวของเธอสอบตกเมื่อปลายภาคเรียนที่ 1 ที่ผ่านมา เธอไม่ตีลูกหรือไม่ดุด่าเสียงดังอย่างที่เคยทำอีกแล้ว เธอเรียนรู้ที่จะสร้างกำลังใจ ส่งพลังบวกให้ลูกผ่านคำพูดของเธอ ในทางกลับกัน เธอบอกกับลูกว่า “ไม่เป็นไรนะลูก ลองพยายามมากขึ้นอีกหน่อย แม่มั่นใจว่าครั้งหน้าลูกจะทำได้ดีขึ้น”

“ค่ะแม่ ลูกจะพยายาม จะทำให้ดีที่สุดค่ะ” ลูกสาวตอบเธอ ความมั่นใจได้กลับมาอีกครั้ง

 “บ้านเราเปลี่ยนไปมากเลยค่ะถ้าเทียบกับเมื่อก่อน” เธอเล่า

โครงการให้ความรู้แก่ครอบครัว มีเป้าหมายที่จะมอบแนวทางการเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งและมีสุขภาพดี เราเชื่อว่าแม้พ่อแม่จะไม่มีความรู้หรือเรียนสูงก็สามารถเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จมากกว่าตนเองได้หากได้รู้แนวทาง แต่ผลที่เราพบมีมากกว่าความสำเร็จของลูก หลายครอบครัวได้ค้นพบวิธีที่จะนำความสุขและความรักคืนสู่ครอบครัว ได้ค้นพบวิธีแสดงออกความรักที่ลูกๆ สัมผัสได้

ท่านอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างนี้มากขึ้นในสังคมของเราหรือไม่? การสนับสนุนของท่านช่วยคืนความรักสู่ครอบครัวที่กำลังหาทางออก

ท่านสามารถสนับสนุนโครงการให้ความรู้แก่ครอบครัวและช่วยให้ครอบครัวได้เติบโตร่วมกันอย่างอบอุ่นเข้มแข็งได้