เมล็ดพันธุ์ผัก…เสริมการเยียวยาที่ยั่งยืน (โครงการ Soap N Hope: Phase 3)

ระยะสุดท้ายของมาตรการล็อคดาวน์ช่วง COVID-19 เราพบว่าหลายครอบครัวสูญเสียรายได้ หลายครอบครัวดึงเอาเงินออมมาใช้จ่ายจนจวนหมด และหลายครอบครัวต้องอยู่ในภาวะหนี้สินเพิ่มขึ้นเท่าตัว

แม้ว่ามาตรการจะคลี่คลายลงแล้ว แต่พวกเขายังต้องเยียวยาสิ่งที่สูญเสียต่อไป อย่างที่เราทราบกันดีว่าสถานการณ์ในอีกหลายเดือนข้างหน้านั้นยังเป็นที่น่ากังวล มูลนิธิร่มไม้จึงได้ประสานความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด แจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ผักให้กับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบกว่า 3,000 ครัวเรือน เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน สำหรับครอบครัวที่พยายามจะตั้งตัวจากผลกระทบทางเศรษฐกิจนั้น เมล็ดพันธุ์ผักสวนครัวเป็นตัวช่วยที่สำคัญอย่างยิ่ง

ในช่วงที่เริ่มล็อคดาวน์ ผู้นำชุมชนท้องถิ่นทุกพื้นที่จะตั้งด่านเฝ้าระวังคนเข้า-ออกบริเวณพื้นที่อย่างแข็งขันเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน มูลนิธิร่มไม้ได้รับอนุญาตให้ลงพื้นที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่องเพราะความอนุเคราะห์ของท่านชัยพฤกติ์ เชียรธนารักษ์ นายอำเภอแม่สอด รถทุกคันจะมีจดหมายอนุญาตจากทางอำเภอประจำไว้ ช่วยให้เรานำความรู้เรื่องการป้องกันการระบาด อาหารและน้ำดื่มสะอาด และความช่วยเหลืออื่นๆ ไปถึงทุกพื้นที่มีความต้องการเร่งด่วนได้

เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทีมงานของเราได้สังเกตเห็นผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในอำเภอแม่สอด จึงได้ริเริ่มสำรวจความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่สอดทั้ง 9 ตำบล และเมื่อทราบว่าทางอำเภอได้ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำแบบสำรวจเพื่อพิจารณาความเดือดร้อนและแนวทางการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนอย่างเป็นระบบ ทางมูลนิธิฯ จึงได้ใช้ผลการสำรวจดังกล่าวมาพิจารณาประกอบกับข้อมูลที่ได้รับทราบจากผู้ใหญ่บ้านในแต่ละตำบล เพื่อหาแนวทางการให้ความช่วยเหลือแบ่งเบาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยการมอบเมล็ดพันธุ์ผักให้กับผู้ที่มีความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือเป็นเมล็ดพันธุ์พืชเป็นลำดับที่ 1-3 ด้วยเงินบริจาคพิเศษสำหรับช่วยเหลือครอบครัวในช่วง COVID-19 ทำให้เราสามารถช่วยเหลือครอบครัวที่ต้องการได้

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน 2563 เราได้มอบเมล็ดพันธุ์ผักจำนวน 2,406 ชุดให้กับตัวแทนตำบลนำไปแจกจ่ายตามรายชื่อผู้ที่แจ้งขอรับมา และจัดส่งถึงบ้านทางไปรษณีย์ให้กับครอบครัวที่อยู่ในตัวเมืองแม่สอด

นอกจากนี้ เมื่อทีมงานโครงการต่างๆ ยังนำไปแจกจ่ายให้ชุมชนแรงงานข้ามชาติ ชุมชนชาวไทยภูเขาในพื้นที่ดอยมูเซอ และเพื่อนบ้านของพวกเขาที่ต้องการอีกด้วย

“ผมขอขอบคุณทุกท่านจากใจที่ได้ร่วมบริจาคผ่านทุกช่องทาง ท่านได้ช่วยครอบครัวที่ไม่ยอมแพ้ให้มีหนทางเยียวยาฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปได้ สำหรับพวกเขาแล้ว เมล็ดพันธุ์เหล่านี้จะเป็นแหล่งอาหารช่วยบรรเทาความขาดแคลนไปได้อีกอย่างน้อย 3 เดือน” – อารอน บลู ประธานมูลนิธิฯ