อารอน บลู – ผู้อำนวยการบริหารมูลนิธิร่มไม้

ทุกๆ วันจันทร์ อารอนจะเริ่มการประชุมทีมด้วยคำถามที่ว่า “เราจะทำดีให้ดีกว่านี้ได้อย่างไรบ้าง?” นี่คือประธานกรรมการบริหารมูลนิธิร่มไม้และ CEO องค์กรเดอะคาริสโปรเจ็ค องค์กรระดมทุนในสหรัฐอเมริกาเพื่อสนับสนุนโครงการของมูลนิธิร่มไม้ ประธานฯ ที่บางวันคุณจะเห็นเขาในบทบาทผู้อบรม บางวันก็เป็นคนขับรถ บางวันก็เป็นช่างตัดหญ้ารอบสำนักงาน

“ในฐานะผู้นำ ผมมุ่งมั่นที่จะสร้างแรงบันดาลใจในการเป็นผู้นำที่คอยดูแลรับใช้ผู้อื่น” เขาเป็นนักคิดผู้มีวิสัยทัศน์และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความสามารถในการปรับตัวให้เท่าทันสถานการณ์หรือข้อมูลใหม่ๆ ของเขากลายมาเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรที่โดดเด่นของมูลนิธิร่มไม้

อารอนเกิดที่เมืองวินนิเพ็ก เติบโตที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา และย้ายมาที่ซานดิเอโก้ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาในช่วงวัยรุ่น  

อารอนเติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ของเขากระตือรือร้นในการช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ จึงไม่แปลกที่เขาเลือกอุทิศตัวในงานพัฒนาชุมชน ถ้าคุณถามเขาว่าทำไมถึงเลือกทำงานนี้ คุณอาจได้ยินคำตอบว่า “ผมมีความรับผิดชอบที่จะต้องมอบสิ่งดีต่างๆ ให้กับผู้อื่นให้มากเท่ากับที่ผมได้รับมา แล้วผมก็ได้รับมามากมายจริงๆ”

อารอนเริ่มต้นงานอาสาครั้งแรกเมื่อเขาอายุราว 15 ปี ด้วยการเดินทางไปเม็กซิโกกับคริสตจักรเพื่อสร้างบ้านและแจกจ่ายอาหารให้กับชาวบ้านที่นั่น

เมื่อเรียนจบวิทยาลัย อารอนเดินทางมายังทวีปเอเชีย ที่นี่เขาได้เริ่มทำงานกับเด็ก สอนหนังสือและร่วมงานกับโครงการพัฒนาชุมชนต่างๆ ในชนบทของอินเดีย เขาร่วมจัดตั้งมูลนิธิในเนปาลเพื่อช่วยเหลือเด็กข้างถนน และยังร่วมงานกับเครือข่ายต่างๆ ในอินโดนีเซียและไทย

หลังจากแต่งงานในปีพ.ศ. 2543 อารอนได้ค้นพบเป้าหมายของชีวิต “ผมและภรรยาเริ่มมั่นใจว่าเราอยากจะทำงานที่ได้ช่วยเหลือเด็กกลุ่มเปราะบาง เราตัดสินใจว่าไม่ว่ามันจะออกมาเป็นรูปแบบไหน นั่นคือสิ่งที่พวกเราจะอุทิศตัวทำ” แต่ดูเหมือนโอกาสที่เหมาะเจาะไม่ได้เกิดขึ้นทัน จนกระทั่งปีพ.ศ. 2551 เมื่อเวย์แลนด์ น้องชายของเขาชวนเขามาจัดอบรมที่ประเทศไทย และนั่นคือจุดเริ่มต้นขององค์กรเดอะคาริสโปรเจ็ค เพียง 5 ปีหลังจากนั้น อารอนและครอบครัวตัดสินใจย้ายมาที่อ.แม่สอด จ.ตากแบบไม่มีแผนเดินทางกลับ

เขาอยากเห็นคนจำนวนมากขึ้นได้รับความช่วยเหลือและที่มูลนิธิร่มไม้จะทำหน้าที่นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไปในอนาคต “เป้าหมายของผมคือนำความช่วยเหลือให้เข้าถึงคนระดับล่างสุด 10% ในแม่สอดและเมียวดีภายใน 5 ปี”

อารอนคาดหวังว่าเราจะมีกระบวนการพัฒนาบุคคลากรที่เป็นระบบยิ่งขึ้น และครอบคลุมทักษะที่จะช่วยให้ทีมงานสามารถตอบสนองและแก้ไขประเด็นปัญหาที่พบในชุมชนและครอบครัวที่กำลังเผชิญภาวะวิกฤตได้ดียิ่งกว่าปัจจุบัน

“ผมดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมูลนิธิร่มไม้ เด็กหลายคนได้มีชีวิตอยู่เพราะสิ่งที่ทีมงานของเราทำ หลายครอบครัวที่ต้องแตกแยก ไม่ต้องทิ้ง ขาย หรือส่งลูกของตนไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า มีครอบครัวที่อยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นเข้มแข็งและมีวิธีการเชิงบวกในการเลี้ยงดูและฝึกวินัยลูกเพราะโครงการของเรา เด็กๆ ในชุมชนที่เราร่วมงานด้วยเจ็บป่วยน้อยลงและมีสุขภาพดีขึ้น”

เขายังคาดหวังอีกว่ามูลนิธิร่มไม้จะมีเงินทุนมากขึ้นเพื่อจะขยายทีมงานให้สามารถเข้าถึงอีกหลายครอบครัวที่อาจกำลังไร้หนทาง

อารอนชอบทำอาหาร รักการผจญภัย เขาชอบเดินป่าไปค้นพบสิ่งใหม่ๆ  ชอบพูดคุยแลกเปลี่ยนแนวความคิด นอกจากนี้เขายังเขียน สอนวิชาปรัชญาและศาสนา และมีความสุขกับการดูลูกๆ ของเขาทำกิจกรรมเจ๋งๆ ที่น่าสนใจ

อารอนฝันไว้ว่าวันหนึ่งเขาจะได้ล่องเรือใบตามมหาสมุทรสักแห่ง คงหลังจากที่ลูกทั้ง 6 คนของเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และงานของมูลนิธิร่มไม้ขยายและดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง