แม้จะเกิดในแผ่นดินเมียนมาร์ แต่ซามได้เติบโตในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งบนตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมาร์ จังหวัดตาก ครอบครัวของเธอมีเชื้อสายชิน ชุมชนของเธอถูกโจมตีจากกองทัพทหารพม่าด้วยเหตุผลทางเชื้อชาติและศาสนา ช่วงหนึ่งในวัยเด็กเธอต้องอยู่กับป้าที่หมู่บ้านกะเหรี่ยงแห่งหนึ่ง เธอจึงไม่เคยพูดภาษาพม่าเลย จนกระทั่งได้ย้ายมาอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัย
ปัจจุบัน ซามพูดได้ 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาเผ่าชิน กะเหรี่ยงปกากญอ เมียนมาร์ และอังกฤษ อีกทั้งกำลังเรียนภาษาไทยด้วย
ซามได้มาร่วมงานกับมูลนิธิร่มไม้ในฐานะนักศึกษาฝึกงานในปีการศึกษาสุดท้ายของเธอที่โรงเรียน Wide Horizons แม่สอด เธอจบจากที่นั่นด้วยประกาศนียบัตรด้านการพัฒนาชุมชน สาขาการจัดการโครงการ หลังจากนั้นเธอกลับมาทำงานอีกครั้งแบบเต็มตัว แต่เส้นทางการศึกษาของเธอยังไม่จบเท่านั้น เธอยังลงเรียนระดับมหาวิทยาลัยควบคู่ไปด้วย อีกไม่กี่สัปดาห์จากนี้ เธอจะสำเร็จการศึกษาด้านมนุษยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยออสเตรเลียนคาทอลิก (Diploma of Arts, Liberal studies, Australian Catholic University)
ในตำแหน่งผู้ประสานงานโครงการให้ความรู้แก่ครอบครัว (Family Education) ซามทำหน้าที่ประสานงานกับทีมงานที่เกี่ยวข้องให้แน่ใจว่าผู้ให้อบรมมีพร้อมทั้งความรู้ความเข้าใจ อุปกรณ์ และอื่นๆ ที่จำเป็นในการถ่ายทอดความรู้ในหลักสูตรต่างๆ ติดต่อตัวแทนชุมชน และจัดตารางการลงสอนในชุมชน นอกจากนี้ เธอยังแปลหลักสูตรจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาเมียนมาร์ และยังช่วยพัฒนาเนื้อหาหลักสูตรให้สอดคล้องกับบริบทชีวิตและวัฒนธรรมของผู้เรียนซึ่งเป็นครอบครัวแรงงานข้ามชาติอีกด้วย
“ฉันชอบทำงานกับมูลนิธิร่มไม้ เพราะฉันไม่เคยเจอองค์กรไหนที่ทำงานด้านนี้อย่างเฉพาะเจาะจงมาก่อน พวกเราส่งเสริมให้ครอบครัวมีความเข้มแข็งและสุขภาพดี ไม่ใช่แค่นั้น องค์กรของเรายังไม่ใช่ประเภทที่จ้องจะสร้างกำไรหรือเอาเปรียบชุมชน แต่เราทำงานกันด้วยใจรักคนจริงๆ”
เธอมักจะทำเกินคำสั่งเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าคนที่กำลังทุกข์ใจได้รับการดูแลจริงๆ
ในเวลาว่าง ซามชอบอ่านหนังสือ จิบกาแฟ และใช้เวลากับคนที่เธอรัก
ซามเป็นหนึ่งขุมพลังการขับเคลื่อนงานของมูลนิธิ ด้วยบุคลิกที่ชอบเรียนรู้ เพิ่มความเข้าใจ และแบ่งปันความคิดเห็นทำให้เธอไม่เพียงแต่ทำให้โครงการดำเนินไปได้อย่างดีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ทีมงานได้รับการดูแลและพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วย